Warning: sprintf(): Too few arguments in /var/www/vhosts/socialplusthai.com/httpdocs/wp-content/themes/covernews/lib/breadcrumb-trail/inc/breadcrumbs.php on line 253

PTG ไม่มีแผ่ว! เสิร์ฟงบปี 66 โกยกำไร 966 ลบ. โชว์ยอดขายน้ำมันทุบสถิติสูงสุดใหม่ 5,960 ล้านลิตร บอร์ดใจสปอร์ต! สั่งจ่ายปันผลทันที 0.35 บ./หุ้น

0

PTG ไม่มีแผ่ว! เสิร์ฟงบปี 66 โกยกำไร 966 ลบ.
โชว์ยอดขายน้ำมันทุบสถิติสูงสุดใหม่ 5,960 ล้านลิตร
บอร์ดใจสปอร์ต! สั่งจ่ายปันผลทันที 0.35 บ./หุ้น

บมจ. พีทีจีเอ็นเนอยี ( PTG) ท็อปฟอร์ม โชว์กำไรสุทธิปี 2566 พุ่งแตะ 966 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางโต 12.1% YoY เป็น 5,960 ล้านลิตร นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ
และเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการได้กว่า 20% ขณะที่ยอดขายก๊าซ LPG ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 634 ล้านลิตร ด้านบอร์ดแจกข่าวดีอนุมัติจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น อัตราหุ้นละ 0.35 บาท
กำหนดจ่ายวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ฟากซีอีโอ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” เดินหน้าสร้างระบบนิเวศเชื่อมบริการแบบครบวงจร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงพร้อมประเมินแนวโน้มธุรกิจปีนี้ยังสดใสจากธุรกิจ Non-Oil ก๊าซ LPG
และกาแฟพันธุ์ไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากยอดสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้น
พร้อมตั้งเป้ายอดขายน้ำมันปีนี้โต 10-12%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% YoY และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.57 บาทต่อหุ้น ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 19,389 ล้านบาท หรือ 10.8% YoY เป็น 198,811 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil
ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 8.9% YoY เป็น 185,123 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของปี 2566 ผ่านทุกช่องทางเติบโต 12.1% YoY เป็น 5,960 ล้านลิตร นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ รวมถึงเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการได้กว่า
20% ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 44.4% YoY เป็น 13,688 ล้านบาท โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้จำนวน 8,350 ล้านบาท เติบโต 46.3% YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1) มีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง ที่จำนวน 634 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 27.7% YoY และ 2) ราคาขายเฉลี่ยที่ 13.15 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 14.6% YoY สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 54.1% YoY
จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีจำนวนสาขากาแฟพันธุ์ไทยอยู่ที่ 882 สาขา เพิ่มขึ้น 371 สาขาจากสิ้นปีที่แล้ว ประกอบกับการเติบโตของสาขาเดิม (Same-Store-Sales) จากการกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ขณะที่กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ปี 2566 มีจำนวน 12,922 ล้านบาท เติบโต 7.6% YoY โดยกำไรเติบโตมากจากธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น
23.4% YoY หรือ 520 ล้านบาท เป็น 2,742 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจ Oil มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 4.0% YoY หรือ 394 ล้านบาท เป็น 10,180 ล้านบาท จากการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง แต่หักลบกับกำไรขั้นต้นต่อลิตรที่ลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในบางช่วงเวลาของไตรมาส 2/2566 จึงทำให้กำไรขั้นต้นต่อลิตรในไตรมาสดังกล่าวลดลง
และนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่มีการปรับราคาค้าปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลลง 2.00 บาทต่อลิตรที่มีผลเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 จนถึง 31ธันวาคม 2567 แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Oil ยังคงมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นมากที่สุดที่ 78.8% อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 33 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เนื่องจากมีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของบริษัทร่วมค้าที่ลดลงจากการบริหารจัดการสต็อคที่ดีขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ระหว่างปี จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 5,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% YoY จากผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล สำหรับงวดปี 2566 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นไม่เกิน 584.5 ล้านบาทและกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 โดยการใช้สิทธิดังกล่าวต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เมษายน 2567
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไว้ที่ 10-12%
จากปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยเฉพาะการขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชนรวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องเห็นได้จากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 ที่จำนวน 35 ล้านคน จากมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวและการขยายระยะเวลาในการพำนักสำรหับฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว
รวมถึงปัจจัยภายในของบริษัทฯ เอง ที่มีการยกระดับการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามมากยิ่งขึ้น
รวมถึงการเข้ามาใช้บริการซ้ำของลูกค้ากลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ Max Card Plus นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังคงวางเป้าการขยายสถานีบริการในปี 2567 ไว้ที่จำนวน 2,251 สถานีบริการรวมถึงมีการปรับปรุงสถานีบริกการให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้สามารถเข้าถึงความ “อยู่ดี มีสุข” ภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อีกด้วย สำหรับธุรกิจ Non-Oil ในปี 2567 ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่อที่ระดับ 40-50%
โดยวางเป้าหมายการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ในปีนี้ ไว้ที่ 30-40% YoY ซึ่งการเติบโตมาจาก 1) กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1 ด้วยโครงการ “Taxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานดานการตลาดผ่านระบบสมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า 2) กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิมและหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขายและการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้และ 3) เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี
2566 ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายสาขาอยางต่อเนื่องในปีนี้ โดยวางเป้าขยายในปีนี้ที่

400 สาขา และเน้นการขยายในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น อาทิ 1) ย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD: Central Business District) 2) หัวเมืองตามจังหวัดต่าง ๆ 3) ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า 4) สถานที่ราชการ 5) โรงพยาบาล และ 6) มหาวิทยาลัย นอกจากนี้อีกหนึ่งการเติบโตของรายได้มาจากการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม จากการนำเสนอสินคาและบริหการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ารวมถึงกการเข้ามาใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าเดิม
และลูกค้ำกลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ
ยังคงวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในปี 2567 บริษัทวางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints โดยมีการขยายจำนวนหลัก ๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex PT เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
“ครั้งนี้ถือเป็นอีกวาระที่ผลประกอบการของ PTG ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความตั้งใจ
และความมุ่งมั่นของทีมงานบริษัทฯ ทุกคน เพื่อร่วมผลักดันให้องค์กรประกอบธุรกิจได้ตามแผน บริษัทฯ เชื่อว่าในปี
2567 ภาพรวมของกลุ่ม PTG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ได้อย่างครอบคลุมและสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพและมีความมั่นคงตลอดไป” นายพิทักษ์ กล่าว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Deprecated: Function WP_Scripts::print_inline_script is deprecated since version 6.3.0! Use WP_Scripts::get_inline_script_data() or WP_Scripts::get_inline_script_tag() instead. in /var/www/vhosts/socialplusthai.com/httpdocs/wp-includes/functions.php on line 6085