รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังร่วมกับเลขาธิการ คปภ. กดปุ่มเปิดงาน Thailand InsurTech Fair 2023 ครั้งที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ ชูสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยเพื่อให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังร่วมกับเลขาธิการ คปภ. กดปุ่มเปิดงาน Thailand InsurTech Fair 2023
ครั้งที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ ชูสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยเพื่อให้ธุรกิจประกันภัยเติบโตอย่างยั่งยืน
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.)
เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ณ ห้องประชุม ฟีนิกซ์ 1 – 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)
ได้รับเกียรติจากนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานร่วมกับเลขาธิการ คปภ.
เปิดงานมหกรรมเทคโนโลยีประกันภัย (Thailand InsurTech Fair 2023 หรือ TIF) ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด
“Strengthening Sustainability Through Insurance Innovation หรือ เสริมสร้างโลกแห่งประกันภัยที่ยั่งยืนด้วยสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัย” อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งงาน TIF เป็นงานที่เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วฟ้าเมืองไทย และ InsurTech Startups จากทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนพันธมิตรประกันภัยจากทั่วทุกมุมโลกที่จะมาสร้างเครือข่ายเข้าไว้ด้วยกัน โดยภายในงานประกอบด้วย บูธบริษัทประกันภัย บริษัท Startups
และเครือข่ายพันธมิตรที่นำนวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยใหม่ ๆ มาจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้ด้านการประกันภัย
การจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยแบบใหม่ ๆ และรายการส่งเสริมการขาย อาทิ ส่วนลดสูงสุด 30% และสำหรับประกันภัยที่มีการใช้นวัตกรรมหรือประกันภัยที่เสนอขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ลดสูงสุดถึง 35% รวมทั้ง ยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย และเพิ่มช่วง Flash sales สำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ภายในงานจะได้รับคูปองชิงโชค 2 เท่า
การสัมมนาวิชาการเทคโนโลยีประกันภัยจากวิทยากรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ การสอบนายหน้าประกันภัย
รวมไปถึงการนำเสนอผลงานนวัตกรรมหรือ Showcase จากบริษัทด้าน InsurTech ต่าง ๆ กิจกรรม Interactive Game
เก็บคะแนนเพื่อแลกรับของรางวัล รวมทั้งคลินิกด้านการประกันภัย เพื่อให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องเรียนด้านประกันภัยเป็นต้น
จากนั้น ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ร่วมกับ นายชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการ ด้านกำกับได้ทำการเปิดบูธของสำนักงาน คปภ. และบูธของบริษัทประกันภัยอีกหลายแห่ง ซึ่งบรรยากาศในงาน TIF เป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก งาน TIF ปีนี้ยังมีการเติมเต็มความรู้ด้านเทคโนโลยีประกันภัยจากเหล่าวิทยากรมากประสบการณ์ที่มาแปรเทคนิค บทเรียนสารพัดประสบการณ์กับเส้นทางประกันภัยยุคดิจิทัล โดยเริ่มจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. ซึ่งได้เปิดมุมมองของ Regulator ในหัวข้อ “Empowering Sustainable Insurance with InsurTech” (เทคโนโลยีประกันภัยล้ำสมัย เสริมพลังการประกันภัยที่ยั่งยืน) โดยย้ำว่า เทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลแต่กลับเข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้นกว่าเดิม เช่น ChatGPT ปัญญาประดิษฐ์ที่ว่ากันว่าจะเป็นการเขย่าวงการ AI ครั้งใหญ่ที่จะสามารถช่วยทำงานให้รวดเร็วและประสิทธิภาพได้มากขึ้นอย่างทวีคูณ Technology
จะเข้ามาช่วยการทำงานในทุกอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว หากใช้อย่างถูกวิธี และคำนึงถึงความยั่งยืน
โดยเฉพาะในเรื่องของประกันภัย ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ธุรกิจประกันภัยมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยธุรกิจประกันชีวิตขยายตัวร้อยละ 3.77 ในขณะที่ธุรกิจประกันวินาศภัยขยายตัวสูงถึงร้อยละ 6.07 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนและภาคเอกชนมีความตระหนักและเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สิน
รวมถึงความสำคัญของการประกันภัยอย่างแท้จริง ซึ่งความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชนในเรื่องการประกันภัยนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของธุรกิจประกันภัยต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน อีกหนึ่งในประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจจากภาคประกันภัยคงหนีไม่พ้น เรื่อง ESG และความเชื่อมโยงกับการประกันภัยที่ยั่งยืน Sustainability ได้กลายมาเป็นเป้าหมายหลักที่เราต้องร่วมมือกันสร้างให้สำเร็จทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนในฐานะผู้บริโภคต้องร่วมขับเคลื่อนไปพร้อมกันและการประกันภัยก็ควรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนด้วย เพื่อให้เกิดเป็น “การประกันภัยที่ยั่งยืน” อย่างแท้จริง ทั้งนี้ InsurTech จะเข้ามามีบทบาทและเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยในการขับเคลื่อนและส่งเสริมความยั่งยืนให้กับธุรกิจประกันภัย โดยจะเข้ามาช่วยสนับสนุน หรือช่วยเร่งให้ธุรกิจประกันภัยเติบโต ตอบโจทย์และเป็นอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้ทรัพยากรน้อยลง ในขณะเดียวกันจะช่วยให้สามารถมองเห็นช่องโหว่
หรือจุดเสี่ยงได้ชัดเจนขึ้น ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน ปรับปรุงกระบวนการทำงานประเมินความเสี่ยงที่ดีกว่าและลึกซึ้งกว่าการส่งเสริมให้เกิดการประกันภัยอย่างยั่งยืนและเทคโนโลยี คือ เครื่องมือสำคัญเพื่อสามารถเก็บเกี่ยวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเหมาะสม ซึ่งภาคธุรกิจประกันภัยเองต้องปรับตัวและเตรียมตัวรับมือเช่นกัน ดังนี้ ประเด็นที่ 1 การร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และส่งผลในวงกว้างกว่าเดิม ประเด็นที่ 2 สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ยั่งยืน การก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นจาก Mindset และ Attitude ประเด็นสุดท้าย คือ การบริหารจัดการความเสี่ยง บริษัทประกันภัยต้องกลับมาทบทวนปัจจัยเสี่ยงและกระบวนการบริหารความเสี่ยงของตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของตลาดและบริบทขององค์กรของตนเองด้วย
“เทคโนโลยีประกันภัยที่ล้ำสมัย สามารถเสริมพลัง empower การประกันภัยที่ยั่งยืนได้อย่างแน่นอน ประโยชน์จากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในธุรกิจประกันภัย ได้ขยายขอบเขตไกลกว่าเดิมจากเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดหรือขยายตัวไปสู่การเติบโตในระยะยาวอย่างยืดหยุ่นและยั่งยืน ดังคำพูดที่ว่า “InsurTech and sustainability are the dynamic duo reshaping the insurance landscape, fostering environmental social and governance consciousness and resilience in the face of change” เทคโนโลยีด้านการประกันภัยและหลักการความยั่งยืน คือ ปัจจัยสำคัญในการปรับเปลี่ยนธุรกิจประกันภัยให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล และก่อให้เกิดความยืดหยุ่น ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามาโดยสำนักงาน คปภ. จะเดินหน้าขับเคลื่อนและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและการพัฒนานวัตกรรมของธุรกิจประกันภัยไทยอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยไทยมีความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ
สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและความเสี่ยงใหม่ พร้อมทั้งปรับรูปแบบและแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ โดยการนำหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลมาใช้เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย