“กทปส.” เตรียมจัดสรรทุน 1.5 พันล้าน หนุน “โครงการกระจายเสียง – โทรทัศน์ – โทรคมนาคม” สร้างประโยชน์สาธารณะปี 67 พร้อมอวดโฉมโครงการไฮไลต์ ปี 66 ในหลากมิติ
“กทปส.” เตรียมจัดสรรทุน 1.5 พันล้าน
หนุน “โครงการกระจายเสียง – โทรทัศน์ – โทรคมนาคม”
สร้างประโยชน์สาธารณะปี 67 พร้อมอวดโฉมโครงการไฮไลต์ ปี 66
ในหลากมิติ
กรุงเทพฯ 16 พฤศจิกายน 2566 – กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส. เดินหน้าผลักดันกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมสร้างประโยชน์ในเชิงสาธารณะ ชี้ในปีที่ผ่านมา กทปส. ได้สนับสนุนโครงการมากกว่า 500 โครงการ พร้อมเตรียมกำหนดกรอบการจัดสรรเงินกองทุนปี 2567 โดยแบ่งเป็นทุน 3 ประเภทคือ ทุนประเภทที่ 1 ทุนแบบเปิดกว้าง ภายใต้กรอบวงเงิน 300 ล้านบาท ทุนประเภทที่ 2 เป็นทุนตามนโยบายคณะกรรมการบริหารกองทุน
ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทุนมุ่งเป้า กำหนดกรอบจัดสรรไว้ที่ 600 ล้านบาท และทุนต่อเนื่องกำหนดไว้ที่ 100 ล้านบาท และ ทุนให้กับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ซึ่งกำหนดกรอบวงเงินไว้ที่ 500 ล้านบาท โดย กทปส. ยังได้จัดนิทรรศการ “กสทช. เสริมสร้างความรู้ส่งทุนสร้างสิ่งดีดี" เพื่อเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการยกระดับคลื่นความถี่ การกระจายเสียง โทรทัศน์และโทรคมนาคมที่สร้างประโยชน์สู่สาธารณะ กับสาธารณะ
ผ่านการเผยแพร่ผลงานโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก กทปส.มาร่วมจัดแสดง จำนวน 11 โครงการ
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า การผลักดันโครงสร้างบริการกิจการด้านกระจายเสียง โทรทัศน์
และโทรคมนาคม เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนสามารถได้รับบริการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม มีความสำคัญอย่างมากต่อการสร้างอนาคตประเทศ
โดยการจะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเกิดขึ้นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดในยุคดิจิทัล คือต้องเน้นการสร้างนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ตรงกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงสอดรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง สิ่งที่พัฒนาขึ้นต้องสามารถอยู่ได้ในระยะยาวและแบ่งปันไปยังกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความต้องการที่ใกล้เคียงกันได้ นอกจากนี้ยังต้องเป็นสะพานเชื่อมให้ผู้ใช้ก้าวทันกับเทคโนโลยี – ดิจิทัลที่ก้าวหน้า ก่อให้เกิดมูลค่าและเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน “ที่ผ่านมา รวมทั้งในปี 2567
กสทช.ในฐานะผู้จัดสรรคลื่นความถี่ให้เกิดประโยชน์ในทุกมิติเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้องนำคลื่นความถี่
พร้อมด้วยเทคโนโลยีในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมมาสร้างประโยชน์ให้ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งในมิติทางเศรษฐกิจ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชนและกลุ่มผู้ประกอบการมีศักยภาพทางการแข่งขันและพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่องส่วนในมิติประโยชน์สาธารณะยังจำเป็นต้องส่งเสริมให้มีความหลากหลายและ
เป็นไปอย่างครอบคลุม ซึ่งสิ่งที่ กสทช. กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้คือได้มอบหมายให้กองทุนวิจัยและพัฒนากองทุนวิ
จัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กทปส.
เร่งสนับสนุนกลุ่มนักวิจัย นักพัฒนาและผู้ประกอบการที่มีความสามารถสรรสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ
เพื่อเติมเต็มให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จทั้งในด้านการส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร การรู้เท่าทันสื่อของกลุ่มเปราะบางกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
ซึ่งมีประชาชนคนไทยที่เข้าถึงเทคโนโลยีที่สนับสนุนเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของผู้วิจัยและนักพัฒนาที่ต้องการผลักดันการสร้างประโยชน์สาธารณะ และใช้คลื่นความถี่ให้เกิดความยั่งยืน” สำหรับแนวทางการจัดสรรเงินกองทุนในปี 2567 เบื้องต้นคณะกรรมการบริหารกองทุนได้มีมติเรื่องการกำหนดกรอบการจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อยู่ระหว่างนำเสนอกรอบการจัดสรรเงินดังกล่าวให้ กสทช. พิจารณา โดยมีการกำหนดกรอบวงเงินในการจัดสรรเงินทุนแต่ละประเภท คือ
ทุนประเภทที่ 1 ทุนแบบเปิดกว้าง (Open Grant) 300 ล้านบาท
ทุนประเภทที่ 2 เป็นทุนตามนโยบายคณะกรรมการบริหารกองทุน
โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ทุนมุ่งเป้า (Strategic Grant) 600 ล้านบาท และทุนต่อเนื่อง 100 ล้านบาท และทุนประเภทสุดท้าย คือ ทุนให้กับกองทุนพัฒนาสื่อสร้างสรรค์ ซึ่งกำหนดกรอบวงเงินไว้ที่ 500 ล้านบาท ทั้งนี้
เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักวิจัยและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะที่สนใจขอรับทุน กทปส. จึงได้จัดนิทรรศการแสดงผลงานโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก กทปส. โดยคัดเลือก 11 โครงการไฮไลต์มาร่วมจัดแสดง ประกอบด้วย
โครงการสารคดีชุด “SOME ONE หนึ่งในหลาย” พัฒนาโดยบริษัท สื่อดลใจ จำกัด
โครงการขยายผลศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อสังคมด้อยโอกาสในกลุ่มบ้านสาขาบนพื้นที่สูง พัฒนาโดยมูลนิธิวิสาหกิจพลังงานชุมชน โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มไอโอทีสำหรับการเฝ้าระวังไฟป่าและมลพิษทางอากาศด้วยเทคโนโลยีโลล่า พัฒนาโดยสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย โครงการการศึกษาและพัฒนาหอฟอกอากาศอัจฉริยะโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์และระบบควบคุมดูแลผ่านเทคโนโลยีไอโอที เพื่อการลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในพื้นที่สาธารณะ พัฒนาโดยบริษัท ไทยโซลาร์เวย์ จำกัด โครงการพัฒนาระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าและระบุตำแหน่งการเผาในที่โล่ง โดยใช้โครงข่ายสื่อสาร อุปกรณ์เซ็นเซอร์ และอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โครงการการยกระดับการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์คดีความผิดทางเพศ ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หน่วยงาน พัฒนาโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
โครงการระบบบริหารข้อมูลนำชมพิพิธภัณฑ์แบบพกพาเพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่จัดแสดงซึ่งมีข้อจำกัดด้านสัญญาณอินเตอร์เน็ตพัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ โครงการรายการกระต่ายตื่นรู้ พัฒนาโดยบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) โครงการฝึกอบรม The Metaverse โลกเสมือนจริง ที่กลายเป็นโลกสมจริง พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โครงการยกระดับและปรับปรุงห้องปฏิบัติการเพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
พัฒนาโดยวิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และท้ายสุด โครงการขยายผลระบบติดตามและอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัดผ่านเครือข่ายสื่อสาร สำหรับประโยชน์สาธารณะ พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งโครงการนี้เองสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยโดยได้รับรางวัลระดับโลก นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการให้ความรู้ในหัวข้อ กทปส. สู่จักรวาลนฤมิตร (Metaverse) หัวข้อการออกแบบสำหรับทุกคนด้วยแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อสร้างสังคมที่เข้าถึงได้ทุกคน และหัวข้อการจัดการปัญหาเมือง ด้วยแอปพลิเคชันทราฟฟี่ฟองดูว์ : Traffy Fondue เป็นต้น
โดย รองศาสตราจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่มาขึ้นเวทีกล่าวว่า กรุงเทพฯ
เป็นหน่วยงานหนึ่งที่นำแอปพลิเคชันทราฟฟี่ฟองดูว์ : Traffy Fondue มารับแจ้งปัญหาและช่วยบริหารจัดการเมือง โดยเทคโนโลยีนี้ได้รับทุนจากกทปส. และถูกพัฒนาขึ้นโดย NECTEC หรือ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติที่นับเป็นความสำเร็จอย่างสูงในการทำให้ประชาชน และหน่วยงาน ผู้แก้ปัญหาสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างเป็นระบบและทำให้การพัฒนาองค์ประกอบต่าง ๆ ของเมืองเป็นไป อย่างทั่วถึง โดยตั้งแต่ได้เริ่มใช้ทราฟฟี่ฟองดูว์มีผลลัพธ์ 9 ดี คือ ปลอดภัยดี อาทิ แก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับได้ 28,000 ดวง ติดตั้งกล้องป้องกันภัยอาชญากรรมกว่า 60,000 กล้อง โปร่งใสดี ที่มีการแก้ไขปัญหาฟองดูว์ได้กว่า 200,000 เรื่อง จากเรื่องที่แจ้งเข้ามา 1 ปีกว่า กว่า 400,000 เรื่อง รวมถึงมิติอื่น ๆ ทั้ง เศรษฐกิจดี เดินทางดี สิ่งแวดล้อมดี เช่น การบรรเทาปัญหาขยะและความสะอาด
การเทอาหารลงท่อระบายน้ำ ที่สามารถแก้ไขได้อย่างทันที อีกทั้งยังมีมิติอื่น ๆ ทั้ง สุขภาพดี สังคมดี เรียนดี และ บริหารจัดการดี นอกจากนี้ยังมีอรรถประโยชน์ที่นอกเหนือจากการร้องเรียน คือช่วยประเมินการทำงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่ซึ่งผลจากการประเมิน เป็นภาพสะท้อนที่มาจากการทำงานจริง
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ กองทุนวิจัยและพัฒนาฯ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-554-8124 หรือติดตามความเคลื่อนไหวของ กทปส. ได้ที่
https://btfp.nbtc.go.th และ www.facebook.com/BTFPNEWS